พอทางการบอกมาว่าเดินทางได้ ชีพจรก็เริ่มลงเท้า ก็เลยหาดูครับว่ามีอุทยานไหนบ้างที่เปิดแล้ว มองหาผ่านเว็บ เกาะสุรินทร์ ก็ผ่านเข้าตา เลยหาหนทางจะไปที่นั่น ต้องติดต่อคนพื้นที่ที่อยู่พังงา ให้หาเบอร์โทรติดต่อทางเกาะ ก็ได้เบอร์มา จองวันไปเรียบร้อย คือกะว่าจะไปนอนกางเต็นท์วันอังคารที่ 9 กุมภา ต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือคุระบุรี
คิดว่าไม่ไกล เพราะเคยไปทำงานที่พังงา ขับรถชั่วโมงเดียวคงได้ (คิดในใจ วางแผนคนเดียวไม่ปรึกษาใคร) แต่แผนต้องมาเปลี่ยนระหว่างวัน เพราะจากภูเก็ตไปเกาะสุรินทร์ใช้เวลานานถึง 3 ชม. เลยต้องเปลี่ยนมาเที่ยว อ่าวพังงา แทน ก็ถือว่าโอเค เหมาะสมกับเวลาที่มี
จุดแวะเที่ยวของ 2 จังหวัดที่ไปมาใน 4 วัน
ให้พี่เขาจองตั๋วเดินทางให้ ต้องไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิเที่ยวบิน 8.30 น. มาถึงภูเก็ตเกือบๆ 10.00 น.
ผู้คนก็มีบ้าง แต่ไม่มากนักที่สนามบิน เที่ยวบินที่เราไปคนก็ไปเกือบเต็มเครื่อง ไม่ถึงกับเหงา วันที่เราไปวันแรกเป็นวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภา
พอไปถึงพี่ก็มารับ และพาไปกินมื้อเช้าในเมือง เป็นร้าน โรตีเจ้าฟ้า ถือว่าเป็นร้านดังของภูเก็ต อยู่ใกล้ๆ กับโบสถ์ท่าแครง
นั่งรถไม่ติด อาจเพราะเป็นวันอาทิตย์ ไปเรื่อยๆ จนถึงตัวเมือง และถึงร้าน โรตีเจ้าฟ้า
อร่อยดีครับ ทีแรกนึกว่าจะกินไม่หมด พอมาจริง กินไปสองจาน เนื้อโรตีไม่แน่น และกรอบ กินง่าย สบายท้องไปสำหรับมื้อเช้า
จากนั้นเราก็รับรถที่ยืมมาใช้ขับ (พี่ใจดีให้ยืมรถใช้ในทริปนี้) มองหาที่เที่ยวในเมืองใกล้ๆ ก็มีแต่ เขารัง ที่อยู่ใกล้ที่สุด และเป็นจุดชมวิวตัวเมือง ใช้ GPS ครับในสมัยนี้ ช่วยได้เยอะ แต่มันอาจนำทางอ้อมไปมา ต้องยอมครับ เพราะตัวเมืองภูเก็ตหาที่กลับรถยาก และต้องระวังเลี้ยงทางเลี้ยว ดูเส้นถนนให้ดี
เราขับรถมาไม่นาน เพราะตำแหน่งใกล้กันมาก ก็ขึ้นเขาหาที่จอดแบบโล่งๆ เลย ไม่ค่อนมีคนมาเที่ยวเท่าไหร่เลย
แดดแรงมาก แต่ไม่ถึงกับร้อนจนเกินไป เดินดูวิวเมือง และหาน้ำ และนั่งพัก บนนั้นมีร้านกาแฟ ร้านอาหารอยู่ด้วย
หาดป่าตอง อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ และเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติมาพักเยอะมาก แต่ช่วงโควิดระบาด คนหายไปเกือบ 100% คือเกือบเป็นเมืองร้าง ที่พักของเราไม่ถึงกับติดชายหาด แต่ก็อยู่ในย่านใกล้เคียง
เราได้ห้องพักที่ The Marina Phuket Hotel ด้านบนดาดฟ้ามทีสระว่ายน้ำ ห้องพักของเราอยู่ชั้น 7 มองเห็นแต่วิวเมือง วิวทะเลมองแทบไม่เห็น แต่มาพักเฉยๆ เพราะกะว่าขัยรถเที่ยวเอาก็ได้
เอาของเก็บในห้อง นอนเล่นให้แดดร่มลมตก เป้าหมายคือหาอาหารทะเลกินสักหน่อย ไม่ได้มาเที่ยวนานมากประมาณ 20 ปี ตั้งแต่ลูกๆ ยังเล็กๆ
ภาพเก่าๆ สมัยยังใช้กล้องฟิล์ม
เป้าหมายแรกของวันนี้คือ จุดชมวิวสามอ่าว มาภูเก็ตต้องแวะ GPS นำทางตลอดในทริปนี้ เตรียมอุปกรณ์มาติดกระจกไว้เลย แล้วเอามือถือเปิดนำทางไปตามแผนที่
จุดชมวิวมีการพัฒนาไปมาก มีที่จอดรถ ศาลา กล้องส่องทางไกล ไม่ร้อนด้วย
เอาภาพเก่ามาเทียบดู ก็เปลี่ยนแปลงเฉพาะเรื่องอาคาร แต่สถานที่ยังเหมือนเดิม
จากนั้นก็ไปต่อที่ หาดราไวย์ หาข้าวกิน ต้องบอกเลยว่าไม่มีแผน ไปเรื่อยๆ เจอร้านไหนก็กิน ต้องบอกเลยว่าดูรีวิวก่อนก็ดี เพราะบางที อาหารทะเลไม่ได้อร่อยเหมือนกันทุกร้าน ถึงจะติดทะเลก็ตาม
จากจุดชมวิวมาหาดราไวย์ไม่ไกลกันมาก เลยทางขึ้นแหลมพรหมเทพไปนิดเดียว
ที่หาดราไวย์ไม่มีชายหาดแล้ว มีแต่โต๊ะ-เก้าอี้ ของร้านอาหาร และเรือที่จอดอยู่ ก็ที่ว่ามาชมวิวริมทะเล กินอาหารทะเลไปด้วยแล้วกัน จากตรงนี้ มองเห็น เกาะบอน เกาะโหลน เกาะเฮ และเกาะราชาใหญ่อยู่ไกลๆ
เสร็จอาหารเย็น เราก็ไปชมวิวอาทิตย์ตกที่ แหลมพรหมเทพ ที่ว่าเป็นมุมมหาชนเลย เพราะใครๆ ก็มาที่นั่นกัน ขัยรถมาแป๊บเดียว เพราะใกล้กันมากๆ
ที่จอดรถมีหลายที่ ไม่ได้มีแค่ด้านหน้า ขับเลยมาหน่อยก็มี (แต่ผมวนหลายรอบในครั้งแรก)
จริงๆ การชมวิวดวงอาทิตย์ตกที่ไหนก็ได้ของฝั่งตะวันตกของภูเก็ต เพราะถ้าเราอยู่ที่หาด ก็จะมองเห็นอาทิตย์ดวงโตตกน้ำ แต่มาภูเก็ตทั้งที ต้องอ้อยอิ่งสักหน่อย
พอกลับถึงที่พัก เราก็จบด้วยการเล่นน้ำบนดาดฟ้ายามค่ำ ไปถึง 2 ทุ่มก็ลุยเลย ที่นั่นปิดสระ 3 ทุ่ม กะว่าจะอยู่สักชั่วโมง เอาเข้าจริงๆ แค่ 15 นาที ก็เลิกแล้ว เพราะอาการเย็นเพราะลมแรงบนดาดฟ้านั่นเอง
จบทริปวันแรก บนเกาะภูเก็ต
คลิปลิงก์ดูต่อวันที่สอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น