เช้าวันที่สองของทริป เราตื่นขึ้นแต่เช้าตามที่ตกลงกันคือ 6 โมงตื่น 7 โมงมากินข้าว 8 โมงออกเดินทาง
อาหารเช้าของโรงแรม จะเหมือนๆ กันเกือบทุกที่ คือสลัดผัก ตักได้ไม่อั้น ขนมปัง และอาหารจานหลัก คือไก่ หรือมีทบอล บางทีก็มีเนื้อปลาบ้าง
เมื่อวานเราพลาดด้วยเรื่องเวลา เช้านี้เลยต้องมาเก็บที่แวะเที่ยว คือ เมืองคาเอร์นาอุม
คาเปอร์นาอุม ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านเหนือของทะเลกาลิลี เป็นศูนย์กลางของภารกิจในกาลิลีของพระเยซู (มธ. 9:1-2; มาระโก 2:1-5) เป็นศูนย์การการค้าและการประมงที่สำคัญ เป็นชุมชนของคนต่างชาติเช่นเดียวกับชาวยิว ประชากรในศตวรรษแรกไม่น่าจะเกิน 1000 คน คาเปอรนาอุมตั้งอยู่ตรงชุมทางของเส้นทางการค้าสำคัญๆ พร้อมด้วยผืนดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ ทหารชาวโรมันสร้างโรงอาบน้ำและโกดังเก็บของไว้ที่นี่ ซึ่งช่วยเสริมโครงสร้างทางสังคมที่เป็นระเบียบด้วยอาคารสาธารณะที่สร้างมาอย่างดี แม้ว่ามีการทำการอัศจรรย์มากมายที่นี่ แต่ผู้คนโดยทั่วไปก็ปฏิเสธกิจการของพระเยซูในฐานะผู้ช่วยให้รอด ดังนั้นพระเยซูจึงทรงสาปแช่งเมืองนี้ (มธ. 11:20, 23-24) เมื่อเวลาผ่านไป คาเปอรนาอุมก็กลายเป็นซากปรักหักพังและร้างผู้อยู่อาศัย
เหตุการณ์สำคัญ : คาเปอร์นาอุมเป็นที่รู้จักในนาม “เมืองของพระองค์เอง” ของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์มากมาย ณ สถานที่แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น พระองค์ทรงรักษาผู้คนมากมาย (มก. 1:32-34) รวมถึงคนรับใช้ของนายร้อยคนหนึ่ง (ลก. 7:1-10) แม่ยายของเปโตร (มก. 1:21, 29-31) คนง่อยซึ่งต้องหย่อนเตียงของเขาลงมาทางหลังคา (มก. 2:1-12) และชายที่มือลีบ (มธ. 12:9-13) ที่นี่พระเยซูทรงขับวิญญาณชั่วร้ายมากมายออกไป (มก. 1:21-28, 32-34) ทรงทำให้บุตรสาวของไยรัสลุกขึ้นจากความตาย (มก. 5:22-24, 35-43) และตรัสเทศนาเรื่องอาหารแห่งชีวิตในธรรมศาลาที่คาเปอรนาอุม (ยน. 6:24-59) พระองค์ให้เปโตรจับปลาตัวหนึ่งจากทะเลกาลิลี อ้าปากของมัน และพบเหรียญที่ต้องนำไปจ่ายภาษี (มธ. 17:24-27)
ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งบ้านของแม่ยายเปโตร และซากเมืองคาเปอร์นาอุม
ในบริเวณเดียวกันมีธรรมศาลาของชาวยิวอยู่เดียว แต่สร้างตามแบบโรมัน เขาเรียกที่นี่ว่า ธรรมศาลาสีขาว หรือ White Synagogue
ใช้เวลาที่คาเปอร์นาอุม พาสมควร เราเดินทางต่อมายังเมืองนาซาเร็ธ บ้านของมารีย์-โยเซฟ ไปยังโบสถ์ที่เชื่อกันว่าเป็นที่ทูตสวรรค์มาพบกับมารีย์ที่ในห้อง
นาซาเร็ธ
หมู่บ้านแห่งหนึ่งท่ามกลางเนินเขาด้านตะวันตกของทะเลกาลิลี นาซาเร็ธเป็นบ้านในวัยเด็กของพระเยซู (มธ. 2:23) พระเยซูทรงสอนในธรรมศาลาที่นาซาเร็ธ และทรงประกาศว่าพระองค์ทรงทำให้คำพยากรณ์ในอิสยาห์ 61:12 เป็นจริง (มธ. 13:54-58; มก. 6:1-6; ลก. 4:16-30)
ในหนังสือลูกา บทที่ 1 ข้อ 26-31 ได้บันทึกว่าเมื่อถึงเดือนที่หก พระเจ้าทรงใช้ ทูตสวรรค์กาเบรียลนั้น ให้มายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ชื่อนาซาเร็ธ มาถึงหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง ที่ได้หมั้นกันไว้กับชายคนหนึ่งที่ชื่อโยเซฟ เป็นคนในเชื้อวงศ์ ดาวิด หญิงพรหมจารีนั้นชื่อมารีย์
ทูตสวรรค์เข้าบ้านมาถึงหญิงพรหมจารีนั้น แล้วว่า “เธอผู้ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดปรานมาก จงจำเริญเถิด พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับเธอ”
ฝ่ายมารีย์ก็ตกใจเพราะคำของทูตนั้น และรำพึงว่า คำทักทายนั้นจะหมายว่าอะไรแล้วทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่เธอว่า “มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะเธอเป็นที่พระเจ้าทรงโปรดปรานแล้ว ดูเถิด เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู..
แล้วเราก็ไปต่อที่หมู่บ้านคานา ซึ่งปัจจุบันเป็นโบสถ์ อยู่ในซอยเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ระหว่างทางมีร้านขายไวน์เต็มไปหมด นักท่องเที่ยวสามารถแวะซื้อได้
หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี
เป็นสถานที่ที่พระเยซูได้ทำการอัศจรรย์เป็นครั้งแรก โดยเปลี่ยนน้ำเปล่าธรรมดาให้กลายเป็นเหล้าองุ่นรสเลิศ ...และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” (ยน. 2:10)
ทางเดินเข้าสู่สถานที่งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา (ปัจจุบันคือ The Wedding Church)
ร้านขายของที่ระลึก และเป็นร้านขายไวน์ด้วย มีทั้งแบบมีแอลกอฮอล์ และเป็นแบบน้ำหวาน
เราเดินทางจากเหนือลงใต้สู่คุมราน นั่งรถนานกว่า 2 ชั่วโมง
และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่คุมราน แต่เราเสียเวลากับที่นี่นานเกินไป เลยต้องตัดโปรแกรมเยี่ยมชมคุมรานออก (ผลกระทบจากเมื่อวานที่เครื่องบินดีเลย์ไป 1 ชม.)
จึงตัดสินใจไปชมเยรีโคแทน เพื่อประหยัดเวลาการทางเข้าเยรูซาเล็มอีก
เมืองเยรีโค
เมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงในหุบเขาจอร์แดน 245 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เยรีโคอยู่ใกล้บริเวณที่ชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำเมื่อเข้าไปในแผ่นดินที่สัญญาไว้เป็นครั้งแรก (ยชว. 2:1-3; 3:16; 6) ชาวอิสราเอลต่อสู้กันที่เมืองเยรีโค ยชว. 6:1-20 โยชูวาสาปแช่งเมืองเยรีโค ยชว. 6:26 (1พกษ. 16:34) เมืองเยรีโคอยู่ภายในดินแดนที่แบ่งให้แก่เผ่าเบนยามิน ยชว. 18:11-12, 21 พระเจ้าเสด็จเยือนเมืองเยรีโคเมื่อพระองค์ทรงเดินทางไปเยรูซาเล็มเป็นครั้งสุดท้าย มก. 10:46 ลก. 18:35; 19:1)
เราต้องเปลี่ยนไกด์ที่เยรีโค เพราะเป็นเขตของชาวปาเลสติเนียน ซึ่งก็ต้องรอนานพอสมควร ไกด์แนะนำเราให้ขึ้นดาดฟ้า และฟังการบรรยายบนนั้นจะดีกว่าเดินเข้าไปในเขตซากเมืองเก่า และต้องเสียเงินค่าเข้าเพิ่มด้วย ซึ่งก็ดีกว่า เพราะอากาศค่อนข้างร้อน
นอกจากเป็นเมืองเก่าอายุกว่า 6,000 ปี ยังมีเรื่องราวจากพระคัมภีร์เดิมอีก คือเรื่องของเอลีชาช่วยแก้ปัญหาน้ำดื่มที่เมืองเยรีโคนี้ด้วย
ในพระคัมภีร์ใหม่ ก็เล่าถึงต้นไม้ที่ซักเคยีสปีนขึ้นไปเพื่อมองดูพระเยซู ก็อยู่ที่เมืองเยรีโค
ไกด์ยังอุตส่าห์พาเราไปดูทางขึ้นของ Mt. of Temptation ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระเยซูไปพระวิญญาณนำพระเยซูสู่ถิ่นทุระกันดารเพื่อการทดลองถึง 40 วัน
จากนั้น เราก็เดินทางต่อสู่กรุงเยรูซาเล็ม และสถานที่แห่งแรกที่เราแวะเมื่อเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มก็คือ ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง
เราอยู่ที่นั่นตอน 6 โมงเย็น ยังกลัวอยู่ว่า เวลาจะพอไหมกับอีก 1 ที่ นั่นก็คือ ประตูทองคำ แต่ก็ทันเวลา เพราะ ที่นั่น 1 ทุ่ม ยังสว่างอยู่เลย
ที่ประตูทองคำ เรายังมองย้อนกลับมาเห็นที่ตั้งของ สวนเกทเสมนี ซึ่งน่าเสียดายว่า เวลาไม่พอให้เราไปต่อทั่นั่น เราจึงใช้เวลาอยู่ที่ประตูทองคำ นานเป็นพิเศษ
และเดินทางสู่ที่พัก กลางกรุงเยรูซาเล็ม แน่นอนว่าผมเก็บภาพบรรยากาศเมืองเยรูซาเล็มยามค่ำคืนไว้ด้วย และที่ดีกว่านั้นก็คือ ห้องพักหันหน้าไปทางทิศตะวันออกพอดี เลยได้เก็บภาพอาทิตย์ขึ้นยามเช้าอีกด้วย
คนมารอเข้าห้องอาหารก่อน 6 โมงอีก ผมทึ่งเลย การท่องเที่ยวที่นี่แข่งกับเวลาจริงๆ
อาหารเช้าของโรงแรม จะเหมือนๆ กันเกือบทุกที่ คือสลัดผัก ตักได้ไม่อั้น ขนมปัง และอาหารจานหลัก คือไก่ หรือมีทบอล บางทีก็มีเนื้อปลาบ้าง
เมื่อวานเราพลาดด้วยเรื่องเวลา เช้านี้เลยต้องมาเก็บที่แวะเที่ยว คือ เมืองคาเอร์นาอุม
คาเปอร์นาอุม ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านเหนือของทะเลกาลิลี เป็นศูนย์กลางของภารกิจในกาลิลีของพระเยซู (มธ. 9:1-2; มาระโก 2:1-5) เป็นศูนย์การการค้าและการประมงที่สำคัญ เป็นชุมชนของคนต่างชาติเช่นเดียวกับชาวยิว ประชากรในศตวรรษแรกไม่น่าจะเกิน 1000 คน คาเปอรนาอุมตั้งอยู่ตรงชุมทางของเส้นทางการค้าสำคัญๆ พร้อมด้วยผืนดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ ทหารชาวโรมันสร้างโรงอาบน้ำและโกดังเก็บของไว้ที่นี่ ซึ่งช่วยเสริมโครงสร้างทางสังคมที่เป็นระเบียบด้วยอาคารสาธารณะที่สร้างมาอย่างดี แม้ว่ามีการทำการอัศจรรย์มากมายที่นี่ แต่ผู้คนโดยทั่วไปก็ปฏิเสธกิจการของพระเยซูในฐานะผู้ช่วยให้รอด ดังนั้นพระเยซูจึงทรงสาปแช่งเมืองนี้ (มธ. 11:20, 23-24) เมื่อเวลาผ่านไป คาเปอรนาอุมก็กลายเป็นซากปรักหักพังและร้างผู้อยู่อาศัย
เหตุการณ์สำคัญ : คาเปอร์นาอุมเป็นที่รู้จักในนาม “เมืองของพระองค์เอง” ของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์มากมาย ณ สถานที่แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น พระองค์ทรงรักษาผู้คนมากมาย (มก. 1:32-34) รวมถึงคนรับใช้ของนายร้อยคนหนึ่ง (ลก. 7:1-10) แม่ยายของเปโตร (มก. 1:21, 29-31) คนง่อยซึ่งต้องหย่อนเตียงของเขาลงมาทางหลังคา (มก. 2:1-12) และชายที่มือลีบ (มธ. 12:9-13) ที่นี่พระเยซูทรงขับวิญญาณชั่วร้ายมากมายออกไป (มก. 1:21-28, 32-34) ทรงทำให้บุตรสาวของไยรัสลุกขึ้นจากความตาย (มก. 5:22-24, 35-43) และตรัสเทศนาเรื่องอาหารแห่งชีวิตในธรรมศาลาที่คาเปอรนาอุม (ยน. 6:24-59) พระองค์ให้เปโตรจับปลาตัวหนึ่งจากทะเลกาลิลี อ้าปากของมัน และพบเหรียญที่ต้องนำไปจ่ายภาษี (มธ. 17:24-27)
ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งบ้านของแม่ยายเปโตร และซากเมืองคาเปอร์นาอุม
ในบริเวณเดียวกันมีธรรมศาลาของชาวยิวอยู่เดียว แต่สร้างตามแบบโรมัน เขาเรียกที่นี่ว่า ธรรมศาลาสีขาว หรือ White Synagogue
ใช้เวลาที่คาเปอร์นาอุม พาสมควร เราเดินทางต่อมายังเมืองนาซาเร็ธ บ้านของมารีย์-โยเซฟ ไปยังโบสถ์ที่เชื่อกันว่าเป็นที่ทูตสวรรค์มาพบกับมารีย์ที่ในห้อง
นาซาเร็ธ
หมู่บ้านแห่งหนึ่งท่ามกลางเนินเขาด้านตะวันตกของทะเลกาลิลี นาซาเร็ธเป็นบ้านในวัยเด็กของพระเยซู (มธ. 2:23) พระเยซูทรงสอนในธรรมศาลาที่นาซาเร็ธ และทรงประกาศว่าพระองค์ทรงทำให้คำพยากรณ์ในอิสยาห์ 61:12 เป็นจริง (มธ. 13:54-58; มก. 6:1-6; ลก. 4:16-30)
ในหนังสือลูกา บทที่ 1 ข้อ 26-31 ได้บันทึกว่าเมื่อถึงเดือนที่หก พระเจ้าทรงใช้ ทูตสวรรค์กาเบรียลนั้น ให้มายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ชื่อนาซาเร็ธ มาถึงหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง ที่ได้หมั้นกันไว้กับชายคนหนึ่งที่ชื่อโยเซฟ เป็นคนในเชื้อวงศ์ ดาวิด หญิงพรหมจารีนั้นชื่อมารีย์
ทูตสวรรค์เข้าบ้านมาถึงหญิงพรหมจารีนั้น แล้วว่า “เธอผู้ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดปรานมาก จงจำเริญเถิด พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับเธอ”
ฝ่ายมารีย์ก็ตกใจเพราะคำของทูตนั้น และรำพึงว่า คำทักทายนั้นจะหมายว่าอะไรแล้วทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่เธอว่า “มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะเธอเป็นที่พระเจ้าทรงโปรดปรานแล้ว ดูเถิด เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู..
แล้วเราก็ไปต่อที่หมู่บ้านคานา ซึ่งปัจจุบันเป็นโบสถ์ อยู่ในซอยเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ระหว่างทางมีร้านขายไวน์เต็มไปหมด นักท่องเที่ยวสามารถแวะซื้อได้
หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี
เป็นสถานที่ที่พระเยซูได้ทำการอัศจรรย์เป็นครั้งแรก โดยเปลี่ยนน้ำเปล่าธรรมดาให้กลายเป็นเหล้าองุ่นรสเลิศ ...และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” (ยน. 2:10)
โอ่งหินที่บรรจุน้ำเพื่อการชำระ เชื่อกันว่าพระเยซุเปลี่ยนน้ำเปล่าให้กลายเป็นเหล้าองุ่นชั้นเลิศด้วยไหหินแบบนี้ ถึง 6 ใบ
ทางเดินเข้าสู่สถานที่งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา (ปัจจุบันคือ The Wedding Church)
ร้านขายของที่ระลึก และเป็นร้านขายไวน์ด้วย มีทั้งแบบมีแอลกอฮอล์ และเป็นแบบน้ำหวาน
เราเดินทางจากเหนือลงใต้สู่คุมราน นั่งรถนานกว่า 2 ชั่วโมง
และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่คุมราน แต่เราเสียเวลากับที่นี่นานเกินไป เลยต้องตัดโปรแกรมเยี่ยมชมคุมรานออก (ผลกระทบจากเมื่อวานที่เครื่องบินดีเลย์ไป 1 ชม.)
จึงตัดสินใจไปชมเยรีโคแทน เพื่อประหยัดเวลาการทางเข้าเยรูซาเล็มอีก
เมืองเยรีโค
เมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงในหุบเขาจอร์แดน 245 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เยรีโคอยู่ใกล้บริเวณที่ชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำเมื่อเข้าไปในแผ่นดินที่สัญญาไว้เป็นครั้งแรก (ยชว. 2:1-3; 3:16; 6) ชาวอิสราเอลต่อสู้กันที่เมืองเยรีโค ยชว. 6:1-20 โยชูวาสาปแช่งเมืองเยรีโค ยชว. 6:26 (1พกษ. 16:34) เมืองเยรีโคอยู่ภายในดินแดนที่แบ่งให้แก่เผ่าเบนยามิน ยชว. 18:11-12, 21 พระเจ้าเสด็จเยือนเมืองเยรีโคเมื่อพระองค์ทรงเดินทางไปเยรูซาเล็มเป็นครั้งสุดท้าย มก. 10:46 ลก. 18:35; 19:1)
เราต้องเปลี่ยนไกด์ที่เยรีโค เพราะเป็นเขตของชาวปาเลสติเนียน ซึ่งก็ต้องรอนานพอสมควร ไกด์แนะนำเราให้ขึ้นดาดฟ้า และฟังการบรรยายบนนั้นจะดีกว่าเดินเข้าไปในเขตซากเมืองเก่า และต้องเสียเงินค่าเข้าเพิ่มด้วย ซึ่งก็ดีกว่า เพราะอากาศค่อนข้างร้อน
นอกจากเป็นเมืองเก่าอายุกว่า 6,000 ปี ยังมีเรื่องราวจากพระคัมภีร์เดิมอีก คือเรื่องของเอลีชาช่วยแก้ปัญหาน้ำดื่มที่เมืองเยรีโคนี้ด้วย
ในพระคัมภีร์ใหม่ ก็เล่าถึงต้นไม้ที่ซักเคยีสปีนขึ้นไปเพื่อมองดูพระเยซู ก็อยู่ที่เมืองเยรีโค
ไกด์ยังอุตส่าห์พาเราไปดูทางขึ้นของ Mt. of Temptation ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระเยซูไปพระวิญญาณนำพระเยซูสู่ถิ่นทุระกันดารเพื่อการทดลองถึง 40 วัน
จากนั้น เราก็เดินทางต่อสู่กรุงเยรูซาเล็ม และสถานที่แห่งแรกที่เราแวะเมื่อเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มก็คือ ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง
เราอยู่ที่นั่นตอน 6 โมงเย็น ยังกลัวอยู่ว่า เวลาจะพอไหมกับอีก 1 ที่ นั่นก็คือ ประตูทองคำ แต่ก็ทันเวลา เพราะ ที่นั่น 1 ทุ่ม ยังสว่างอยู่เลย
ที่ประตูทองคำ เรายังมองย้อนกลับมาเห็นที่ตั้งของ สวนเกทเสมนี ซึ่งน่าเสียดายว่า เวลาไม่พอให้เราไปต่อทั่นั่น เราจึงใช้เวลาอยู่ที่ประตูทองคำ นานเป็นพิเศษ
และเดินทางสู่ที่พัก กลางกรุงเยรูซาเล็ม แน่นอนว่าผมเก็บภาพบรรยากาศเมืองเยรูซาเล็มยามค่ำคืนไว้ด้วย และที่ดีกว่านั้นก็คือ ห้องพักหันหน้าไปทางทิศตะวันออกพอดี เลยได้เก็บภาพอาทิตย์ขึ้นยามเช้าอีกด้วย
คนมารอเข้าห้องอาหารก่อน 6 โมงอีก ผมทึ่งเลย การท่องเที่ยวที่นี่แข่งกับเวลาจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น