ค้นหาที่เที่ยวในบล็อกนี้

12 กรกฎาคม 2561

เที่ยว 2 ประเทศ อิสราเอล-จอร์แดน (5) เดดซี - เปตรา

วันสุดท้ายวันที่ห้า โปรแกรมวันนี้สบายๆ ตื่นเช้า มาเล่นน้ำชิลๆ ทั้งลอยตัว น้ำในเดดซีเค็มจนขม แต่ประทับใจมาก การลอยตัวในน้ำ เสร็จแล้วก็มาเล่นน้ำในสระ สบายๆ


ทะเลเดดซี หรือ ทะเลมรณะ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก อยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดน รัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอล ระดับน้ำอยู่ต่ำที่สุด
          คนชาวอาหรับจะเรียกทะเลสาบเดดซีกันว่า "อัลบาห์รัลไมยิต” หมายความว่า ทะเลมรณะ เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ ขณะที่ภาษาฮีบรูเรียกทะเลสาบนี้ว่า "ยัมฮาเมละฮ์" ซึ่งหมายความว่า "ทะเลเกลือ" เป็นทะเลที่เค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เค็มกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกอีกแห่งด้วย สำหรับทะเลสาบเดดซี เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ชื่นชอบในการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ เป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ยกเว้นแต่แบคทีเรียและเห็ดราบางชนิด

 
 



เล่นน้ำเสร็จแล้ว ทานข้าวเช้า และมาคุยกัน แชร์ประสบการณ์การเดินทางของทริปนี้



ออกจากโรงแรมที่พักสายๆ แล้วก็เดินทางต่อไปยังเปตรา ซึ่งเราแวะทานอาหารกลางวัน แล้วก็เดินทางต่อไปเมืองเปตรา


การเดินทางไปเปตรา ต้องเดินทางในเส้นไฮเวย์ของจอร์แดน และเดินทางผ่านทะเลทรายประมาณ 3 ชม. แต่แวะทานอาหารกลางวันระหว่างทาง


เปตรา
จากหนังสือ มัทธิว บทที่ 16 ข้อ 18 เราบอกท่านว่า ท่านคือ เปโตร (ภาษากรีก คือ เปตรอส Πέτρος) และบนศิลา (ภาษากรีก คือ เปตรา πέτρᾳ) นี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตาย (ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า บรรดาประตูของแดนคนตาย เพราะที่นี่มีสุสานหลายแห่ง) จะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้ คำว่า เปตรา ที่พระเยซูกล่าวถึง อ้างอิงถึงสถานที่แห่งนี้ด้วย! เปตรา นครแห่งศิลา 
          เปตรา จากภาษากรีก πέτρα แปลว่าหิน คือนครแห่งภาพแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลเดดซีกับอ่าวอาคาบาในประเทศจอร์เดน นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์  ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้า  เมื่อปี ค.ศ. 1812 ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจอร์แดน






เราเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวที่เปตราจนเย็น และเดินทางมาถึงสนามบินเกือบ 5 ทุ่ม แล้วก็กลับกรุงเทพฯ ตามกำหนดการ

เที่ยว 2 ประเทศ อิสราเอล-จอร์แดน (4) เจอราช - มาดาบา - ภูเขาเนโบ - เดดซี

วันที่สี่ีของโปรแกรม เราเดินทางออกมาจากเบธเลเฮมแต่เช้า เพื่อข้ามด่านเข้าสู่ประเทศจอร์แดน เราใช้เวลาไม่นานมากนัก การข้ามแดนผ่านด่านถือเป็นโปรแกรมใหม่ของเรา และที่รู้มาการข้ามแดนเที่ยว 2 ประเทศ มีทำกันมานานแล้ว


โปรแกรมที่ตั้งไว้ เราตั้งใจจะไป เปตรา ตั้งแต่แรก แต่ไกด์ท้องถิ่นที่เป็นชาวจอร์แดนเสนอว่า ให้เดินทางไปเที่ยวที่เจอราชก่อน เพราะว่าไปเปตราเลย มันไกลมาก ต้องนั่งรถนานกว่า 3 ชม.

เรานั่งรถแบบยาวๆ ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือหน่อยๆ ของจอร์แดน แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร Artemis Restaurant






เรานั่งรถต่อไปอีกเป็นชั่วโมง กว่าจะถึงเจอราช ต้องยอมรับว่าเป็นโบราณสถานที่น่าประทับใจมากๆ เพราะสภาพของอาคารต่างๆ ยังคงอยู่สมบูรณ์มากๆ


เจอราช หรือ เกราซา
สถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมโบราณ ที่มีชื่อเสียงของประเทศจอร์แดน  นครเจอราช (Jerash) เป็นภาษากรีก Γέρασα  (หรือ “เมืองพันเสา” คนไทยน่าจะตั้งกันเอง) เป็นหนึ่งในแคว้น​ทศ​บุรี ​ประกอบด้วย​สิบ​เมือง อยู่​ทาง​ทิศ​ตะวันออก​เฉียง​ใต้​ของ​ทะเลสาบ​กา​ลิ​ลี ​ที่ตั้ง​ของ​สหพันธ์​เพื่อ​รักษา​ความ​ปลอดภัย​ใน​การค้า​ขาย ​
         ใน​สมัย​พระ​เยซู​คริสต์​ ​พระองค์​เสด็จ​ไป​แคว้น​ทศ​บุรี​สอง​สาม​ครั้ง (มธ. 8:28; ​มก. ​5:1​, ​20​; ​7:31​)​ สันนิษฐานว่าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้น 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล ในปี ค.ศ. 749 นครเจอราช (เกราซา) แห่งนี้เจอแผ่นดินไหวหลายครั้ง กระทั่งครั้งใหญ่สุดได้ถล่มและทำลายเมืองไปอย่างน่าเสียดาย
          เจอราชกลายเป็นเมืองที่ถูกถูกทิ้งร้างนับพันปี จนมีการขุดพบ ใน ค.ศ.1878 รัฐบาลจอร์แดนตัดสินใจบูรณะนครโรมันแห่งนี้ จึงทำให้ความงดงามของเมืองโบราณ กลับมาเผยโฉมต่อโลกอีกครั้ง ที่นั่นมีซากโบราณหลายแห่ง และที่น่าสนใจก็อยู่คือ วิหารแห่งเทพซุส เทพเจ้ากรีก (โรมันเรียก จูปิเตอร์) และวิหารเทพีอาร์เทมิส (โรมันเรียก ไดอาน่า) ซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชาต่อองค์เทพี เฉกเช่นเดียวกับเมือง เอเฟซัส (ในตุรกีปัจจุบัน)







ไกด์ท้องถิ่นค่อนข้างค่อนข้างเร่งรีบ พาเราเดินทัวร์ที่เจอราช เพราะเวลามีจำกัด ซึ่งทำให้ผมเสียดายมากๆ การถ่ายภาพที่เจอราชเป็นอย่างเร่งรีบ อีกอย่างสถานที่ใหญ่มาก การเดินรอบเดียวก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ถึงจะรีบๆ ผมก็ได้ภาพมาหลายช็อตสวยๆ

สถานที่ต่อมาคือเมืองมาดาบา เมืองแห่งกระเบื้องโมเสค

เมืองมาดาบา 
เป็นเมืองที่มีชื่อเรียกอีกหนึ่ง เมืองแห่งโมเสค ที่น่าท่องเที่ยวที่สุดอีกเมืองหนึ่งในจอร์แดน
           เมืองมาดาบาตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงอัมมานไปราว 33 กิโลเมตร ถือว่าเมืองสำคัญในอดีตสมัยโรมัน ทั้งเป็นเมืองสำคัญอยู่บนเส้นทางโบราณที่มีชื่อเสียง และเป็นศูนย์กลางทำโมเสก ซึ่งทุกวันนี้มีช่างฝีมือโมเสกทำกันอยู่ เมืองนี้มีผู้คนตั้งถิ่นฐานมานานกว่า 4,500 ปี มีสถานที่สำคัญๆ หลายแห่งให้นักท่องเที่ยวได้ชม โดยเฉพาะไฮไลท์โมเสก อยู่ที่โบสถ์กรีกออโธด็อกซ์แห่งเซนต์จอร์จ (Greek Orthodox Church of St. George) บนพื้นโบสถ์มีแผนที่ทำด้วยโมเสกสีสวยงามซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก ทำให้นักท่องเที่ยวจากทุกมุมของโลกเดินทางไปชม  ภาพแผนที่ตกแต่งด้วยหินสีจำนวนกว่า 2 ล้านชิ้น มีขนาดเดิม 25x5 เมตร สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 6 หรือราวปี ค.ศ. 600 ในยุคไบเซนไทน์ ซึ่งแผนที่นี้แสดงภาพให้เห็นพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในอดีต เนินเขา หุบเขา หมู่บ้าน ตัวเมือง ครอบคลุมไปจนถึงปากแม่น้ำไนล์ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เยรูซาเล็ม จอร์แดน ทะเลเดดซี และอียิปต์









จบจากมาดาบา ก็มาต่อที่ภูเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกัน

ยอดเขาเนโบ ภูเขา​อาบาริม หรือ เทือก​เขา​อาบาริม เป็น​ที่​ตั้ง​ของ​หลายๆ ยอด​เขา ยอด​เขา​เนโบ​ถือ​เป็น​ยอด​หนึ่ง​ใน​เทือก​เขา​แห่ง​นี้ ยอด​เขา​เนโบ​อยู่​ทาง​ทิศ​เหนือ​ของ​ทะเล​ตาย และ​อยู่​ทาง​ฝั่ง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน เมื่อ​มอง​จาก​ยอด​เขา​เนโบ จะ​เห็น​เมือง​เยรี​โค​ตั้ง​อยู่​ทาง​ฟาก​ตะวันตก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน  เป็นที่ๆ โมเสสได้แต่มองดูคานาอัน แต่ไม่ได้เข้า และเชื่อกันว่าตายที่นั่น
          ในหนังสือ ฉธบ. 32:51-52 กล่าวว่า... "เพราะ​เจ้า​ทั้ง​สอง​ได้​ละเมิด​ต่อ​เรา​ท่าม​กลาง​คน​อิส​รา​เอล​เรื่อง​น้ำ​แห่ง​เม​รี​บาห์​ที่​คา​เดช​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​สิน เพราะ​เจ้า​ไม่​ให้​เกียรติ​เรา​ใน​หมู่​คน​อิส​รา​เอล เจ้า​จะ​ได้​เห็น​แผ่น​ดิน​ซึ่ง​อยู่​ต่อ​หน้า​เจ้า แต่​เจ้า​จะ​ไม่​ได้​เข้า​ไป​ใน​แผ่น​ดิน​ซึ่ง​เรา​ให้​แก่​คน​อิส​รา​เอล"






แล้วเราก็ไปจบที่โรงแรมริมทะเลตาย เดดซี Oh Beach Hotel ซึ่งวันที่ไปพักมีแต่กรุ๊ปของเรา ทำให้ทั้งโรงแรม เหมือนเป็นของเราไปโดยปริยาย ทั้งสวย ทั้งส่วนตัว Wow มากๆ