ค้นหาที่เที่ยวในบล็อกนี้

28 ตุลาคม 2567

ขับรถไปส่งลูกแข่งรถที่แก่งกระจาน 3 วัน 2 คืน แวะตลอด บางตะบูน - ชะอำ - แก่งกระจาน - ภูผาคาเฟ่ ราชบุรี - ตลาดน้ำกวางโจว - หัวหิน - เขื่อนแก่งกระจาน (เพชรบุรี - ราชบุรี - หัวหิน)

ลูกชายชวนให้ไปแก่งกระจานเพื่อไปขับรถแข่ง เราเลยเริ่มเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 ตค. ออกจากกรุงเทพฯ ช่วงบ่าย ในฐานะคนชอบวางแผนการท่องเที่ยว เลยเลือกเส้นที่ไม่คุ้นเคยอย่างบางตะบูน

ต้องยอมรับว่ารีวิวในโลกโซเชียลมีส่วนสำคัญในการเลือกเส้นทาง ได้ยินชื่อมานาน บางตะบูน ดูรีวิวใน GPS เพื่อเลือกร้านอาหาร ร้านริมทะเล บางตะบูน พอไปนั่งจะสั่งอาหาร มองดูแม่ค้าหายไป ไปถ่ายรูปสะพาน 2-3 ภาพก็เปลี่ยนร้านดีกว่า เพราะลูกค้ารอออเดอร์อีก 2 โต๊ะ ของเราคงนาน


เปลี่ยนร้านมาที่ ครัวเลี้ยงหอย ขับรถข้ามสะพานมาตาม GPS ได้เลย ถนนแคบๆ หน่อย ไม่หลงแน่นอน มาถึงก็เจอที่จอดรถกว้างขวางพอสมควร ร้านอยู่ริมน้ำ มองเห็นวิว กระเตง ซึ่งเป็นบ้านพักกลางทะเลสำหรับชาวประมง มองเห็นปากอ่าวบางตะบูน และกระเตง 

ขณะที่เรานั่งรออาหาร ก็มีเรือแล่นตลอดเวลาเสียงดังพอสมควร เคยไปอ่านรีวิวส่าคนมาพักย่านนี้นอนไม่หลับเพราะเสียง ก็คงต้องเลือกครับ มาเรามาพักแบบนี้ก็ควรศึกษาเรื่องสภาพแวดล้อม แต่คนที่นี่เขานอนหลับกันนะครับ

แต่ก่อนคนไม่ค่อยรู้จัก เพราะเป็นเมืองปากออ่าว พอมีสะพานข้ามไปถึงชะอำได้ ผู้คนก็เริ่มมาเยี่ยมเยือน


เมนูแนะนำของที่นี่คงเป็น ปลาทูแดดเดียว ทอดมาร้อนๆ กรอบนุ่ม ออกเค็มๆ ตามวิถีของปลาทู คิดถึงน้ำพริกกระปิ ถ้ามีด้วยคงเข้ากัน

อีกเมนูคือ ก้ามปูใบ้ ที่มีแต่ก้ามปูเพราะเนื้อมันน้อย มาร้อนๆ เต็มจานแบบนี้ น้ำจิ้มซีฟู้ดของที่นี่จะออกหวานตามสไตล์ของเพชรบุรี คนที่ชอบแซ่บๆ อาจไม่ถูกใจ แต่ผมโอเค ลองรสชาติที่ไม่คุ้นลิ้นบ้าง


เปลือกหอยแคงเขาเอามาเทพื้น ก็สวยดี ที่นี่เขาเลีี้ยงหอยอยู่ 4 ประเภท คือ หอยแครง หอยตลับ หอยแมลงภู่ และหอยนางรม


ใช้เวลากินอาหารเช้า+กลางวันใน 1 ชั่วโมง ก็ออกเดินทางต่อ ปักหมุดไปชะอำ แต่เลือเส้นทางเลียบชายทะเล ซึ่งอยู่ทางซ้ายของถนน เจอจุดแวะแรก เลี้ยวเข้าไปดูสุกนิด เพราะไม่ได้รีบ

จุดชมวิวหาดทรายเม็ดแรก ปลายแหลมหลวง ถนนไปถึงทะเลเลย เจอคนมากางเต็นท์ด้วย ชายหาดไม่ค่อยมีทรายเท่าไหร่ แต่ก็สวยพอที่จะเก็บภาพได้


เดินทางต่อถึงที่พักที่จองผ่าน Agoda เป็นที่พักที่ดัดแปลงจากตึกแถว OYO 394 Nana Beach Cha Am ราคาไม่แพงห้องใหญ่อยู่แต่ไม่มีลิฟท์ เราได้พักชั้น 3 พอขึ้นไหว ขอเสียของการจองแบบนี้คือมักจะได้ห้องในสุดวิวด้านหลังอาคาร 

ได้ห้องพักแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นริมทะเลก่อนมืด ช่วงปลายเดือนตุลา น้ำทะเลกำลังจะใสเพราะกำลังเข้าสู่หน้าหนาว (ที่ไม่หนาว) เป็นช่วงฤดูที่เปลี่ยนผ่าน


กลางคืนนอนไม่หลับมาเดินเล่นอีกรอบ ที่นี่มืดสนิทมาก มาตอนเช้าดูอาทิตย์ขึ้นอีกรอบดีกว่า

อาทิตย์ของวันนี้ติดเมฆ เลยได้ภาพแบบนี้ จะว่าไปชะอกเหนือตอนนี้กับบางแสนก็เหมือนกันเลย คือเก้าอี้ผ้าใบเยอะมากๆ


เช้าวันเสาร์ที่ 26 ตค. เราหาข้าวเช้ากินไม่ได้เลย มาจบที่ปั๊ม ปตท.ลุงเท่ง (ขาขึ้นกรุงเทพ) (น้ำมัน+EV)

ในปั๊มนี้มีร้านกาแฟอเมซอน และมีของสะสมจัดโชว์ให้เราดู ซึ่งสาขานี้พิเศษกว่าทุกที่ มีร้านขายของฝากกลับล้านด้วย ใครจะซื้อของฝากมาปั๊มนี้มีครบทุกอย่าง


จากนั้นเราก็มาถึง แก่งกระจานเซอร์กิต แต่เช้า เริ่มมีรถแข่งมาเตรียมแล้ว ลูกชายคนโตของผมสมัครมาขับ แต่ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากเกี่ยวกับการแข่งขัน มารอบนี้เป็นแค่คนขับรถ

หากท่านใดสนใจเกี่ยวกับรถ ลองเข้าไปชมเว็บนี้ได้ครับ ลูกชายผมเขาเป็นทีมงาน SandwishMedia


ผมหมดหน้าที่คนขับรถก็หาที่เที่ยวระหว่างวัน เล็งไว้นานที่ราชบุรี Phupha Coffee Camp ภูผา คอฟฟี่ แค้มป์ สถานที่นี้ห่างจากสนามแข่งประมาณ 1 ชม. วิ่งเส้นทางจากเพชรบุรีไปราชบุรี คือไปตาม GPS เลย


ที่นี่เป็นลานกางเต็นท์ หมุดหมายที่ผมเล็งเอาไว้นาน เพราะดูรีวิวของผู้ชื่นชมธรรมชาติ ด้านในมีแหล่งน้ำ พายเรือได้ ส่วนในลานมีทั้งแบบอยู่ในป่าสน หรือลานโล่ง แล้วแต่จะเลือก เขาคิดคนละ 250 บาท (คิดต่อคน)

ร้านกาแฟก็มี คนก็มาดื่มกาแฟกัน นั่งชิลๆ ใต้ต้นสน


หน้าหนาวคนคงเยอะมาก ขนาดวันนี้ออกร้อนๆ ยังมีคนมากางกันเลย สมันนี้มีแบตเตอรี่ เอาทั้งพัดลมหรือแอร์เคลื่อนที่มาเองได้


ผมอยู่สักพัก เพราะอากาศค่อนข้างร้อน ขับรถผ่าน ภูพันตา (เดาว่าเป็นไร่สับปะรดมาก่อน) วิวภูเขาโล่งๆสวยดี แต่ก็อย่างว่าครับ อากาศไม่เป็นใจเพราะร้อน เลยไปดีกว่า


ขามามองเห็นป้าย ตลาดน้ำกวางโจว เลยตั้งใจแวะอีกที่ เวลามีทั้งวัน ที่นี่เสียค่าเข้าคนละ 25 บาท เอาไปแลกเป็นซื้อน้ำหรืออาหารได้ 10 บาท

ทีแรกว่าจะกินข้าวที่นี่ แต่ผมเป็นคนขี้ร้อน เลยได้แต่เดินดูบรรยากาศรอบๆ เชื่อว่าหน้าหนาวคงดีมากๆ (โหยหาหน้าหนาว) 

มารอบนี้ได้ไปอย่างที่ตั้งใจไว้ทั้งสองที่แบบไม่ได้ตั้งใจ ถือว่าคุ้มและพอแล้ว


ร้านอาหารจานบินคันทรี่ วงเวียนเเก่งกระจาน เป็นที่ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะแวะ แต่เห็นป้ายโฆษณาที่สนามแข่งรถ ลองไปดู โอ้โห ร้านเขาใหญ่จริงๆ เป็นร้านอาหารที่มีพื้นที่ ประดับของตกแต่งด้วยของเก่า

ผมเลือกเมนู หมึกสายแดดเดียว เออ อร่อยดีเหมือนกัน


อิ่มท้องก็มุ่งไปสู่ที่พัก OYO Capital O 390 Nana River Kaeng Krachan อยู่ริมน้ำ มีทั้งสไลเดอร์และสระว่ายน้ำ แต่ผมได้แต่นอน ห้องพักที่ได้เป็นแบบ 3 เตียง นอนได้ 6 คน แต่เรามาแค่ 2 คน ถือว่าห้องใหญ่มาก



เช้าวันอาทิตย์ที่ 27 ตค. ผมไปส่งลูกที่สนามแข่ง แล้วไปนมัสการพระเจ้าหัวหิน เป็นโบสถ์เล็กๆ ในร้านนวดแผนไทย Hua Hin Healing Hands Health Massage พี่น้องคริสเตียนเยอะเหมือนกัน


เดี๋ยวนี้หัวหินมีสถานีรถไฟทันสมัยสวยงาม


บ่ายๆ ก็หาที่แวะรอเวลาสนามแข่งเลิก ผมเลยไปแวะ เขื่อนแก่งกระจาน บนสันเขื่อนลมแรงมาก


อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อยู่ถัดไป เดี๋ยวนี้พัฒนาไปมากกว่าในอดีต ผมมารอบนี้ห่างจากรอบที่เคยไปมาหลายสิบปี ถือว่าดีมากๆ ทั้งบรรยากาศแวดล้อม และสถานที่


เย็นแล้วกลับมาที่สนามแข่งรถ ผมก็ไปเก็บภาพเล่นๆ ดูไม่เป็นหรอกครับ ว่าเขาแข่งกันยังไง ลูกชายมาบอกว่าได้ที่ 1 ก็ดีใจกับเขาด้วย ออกจากสนามทุ่มกว่า มาถึงบ้านย่านรามอินทราประมาณ 4 ทุ่ม GPS พามาทางอื่นที่ไม่ใช่พระราม 2 ก็งงๆ เส้นทาง แต่ก็กลับถึงบ้าน


โปรดติดตามทริปต่อไปเดือนพฤศจิกายน กาญจนบุรี!

08 ตุลาคม 2567

พันธกิจสอนพระคัมภีร์ เชียงใหม่-เชียงราย เที่ยวไปสอนไป 12 วัน 11 คืน อุทัยธานี - ตัวเมืองเชียงใหม่ - บ้านแม่กำปอง - ออบหลวง - อมก๋อย - ฮิโนกิแลนด์ - เขื่อนแม่สรวย - ดอยช้าง - บ้านดำ - เชียงแสน

เมื่อเดือนกันยายน ผมมีงานสอนที่เชียงใหม่-เชียงราย เดินทางไปสอนพระคัมภีร์ 2 แห่ง แต่ไปทีเดียวให้คุ้ม เพราะแต่ละการอบรมตรงกับวันเสาร์ทั้งสองแห่ง ช่วงว่างระหว่างสัปดาห์ต้องบริหารวันว่างให้คุ้มด้วยการไปเยี่ยมเยียนเพื่อนและเที่ยวพักผ่อน

ที่แรกวันพฤหัส ออกเดินทางช่วงบ่าย แวะที่ Genesis Land Camping อุทัยธานี ตอนนี้กำลังสร้างบ้านพักของเจ้าของสวน ปีนี้เตรียมลานกางเต็นท์อีกรอบ


ขับรถกลางคืนจากอุทัยไปถึงเชียงใหม่ ตีสามกว่าๆ ของวันศุกร์ หาที่นอนเล่นๆ ให้เช้าเพื่อไปหาอาหารเช้ากิน แล้วไปแวะเยี่ยมเพื่อนที่ ร้านเสริมสวยเอสเธอร์ ซึ่งอยู่ที่ อ.เมือง เชียงใหม่

พอสายๆ ก็มาหาน้องอีกคนเป็นช่างภาพ อาศัย GPS อย่างเดียว แค่แชร์สถานที่ก็หากันเจอ 


พอเข้าที่พักก็หาอาหารเย็นกินกัน ได้ที่นี่เป็นข้าวซอยสไตล์ญี่ปุ่น ข้าวโซอิ


กินเสร็จก็ปล่อยลูกๆ ไปเดินเล่นตามภาษาวัยรุ่น ปล่อยให้ผู้ใหญ่นั่งรถเล่นรอบเมือง หลงไปเจอ คลองแม่ข่า แวะเดินเล่น 1 รอบ


วันเสาร์ทั้งวันผมมาสอนพระคัมภีร์ที่ คริสตจักรสายสัมพันธ์เชียงใหม่ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า กว่าจะจบเกือบ 3 ทุ่ม ยาวมากเลยครับ

ฝนตกตลอด ขากลับมาโรงแรมที่พักที่ถนนช้างคลานน้ำท่วม อีกอาทิตย์ต่อมาคือเกิดน้ำท่วมใหญ่ในตัวเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งโบสถ์ที่ไปสอนด้วย


เช้าวันอาทิตย์ยังมานมัสการพระเจ้าที่โบสถ์เดิม พอเสร็จช่วงบ่ายเดินทางมาหมู่บ้านแม่กำปอง เพื่อพักที่นี่ 1 คืน แวะเที่ยว เทดดู้คอฟฟี่ แม่กำปอง


หมู่บ้านแม่กำปองเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เสน่ห์ที่นี่คือบ้านพักติดลำธารเล็กๆ เฮือนอ้ายอู๊ด โฮมสเตย์แม่กำปอง ทั้งหมู่บ้าน ช่วงเราไป ฝนตกพรำๆ ตลอด อากาศเย็นสบาย กินๆ เดินๆ ถ่ายภาพ สบายดี


หน้าบ้านพัก ซื้ออาหารมานั่งกินเล่นได้ มีที่นั่งริมน้ำ ฟังเสียงน้ำไหลทั้งวันทั้งคืน พอสามทุ่มทางหมู่บ้านของให้ทุกกิจกรรมยุติหมด คือเงียบจริงๆ ครับ


เช้าวันจันทร์ เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก แต่เช่ารถขึ้นไปดูจุดชมวิวหมู่บ้าน ที่ ร้านระเบียงวิว ค่ารถไปกลับคนละ 40 บาท บ้านผมมี 4 คนเท่ากับเหมาขึ้นไปแป๊บเดียว ดื่มกาแฟ ถ่ายภาพเมฆหมอกสวยๆ 


สายๆ เดินทางไกลไปอมก๋อย แวะเก็บภาพ ออบหลวง ที่เคยพาลูกๆ ไปเที่ยวตั้งแต่ลูกยังเด็กอยู่


จุดแวะยอดนิยมก็คือ สวนสนบ่อแก้ว ต้นสนสามใบสวยๆ แบบนี้ มีแต่แถวภาคเหนือ


เราถึงที่พักก็เกือบจะมืด ไร่คานาอันโฮมคาเฟ่ ที่พักแบบห้องเดี่ยวมีห้องน้ำในตัว วิวคือไร่แมคคาเดเมียกว้างๆ นอนที่นี่ 2 คืน


ฝนตกทั้งคืินทั้งวัน มาบ่ายๆ ถึงหยุด ทางที่พักแนะนำให้ไปชมวิวนาขั้นบันได ที่ 269 garden เลยตัวเมืองอมก๋อยไปหน่อยนึง ตาม GPS ไปก็ไปถูก แต่วันที่เราไป ร้านปิด แต่วิวเปิดตลอดแบบโล่งๆ สวยมาก


พักครบ 2 คืน เช้าวันพุธเดินทางกลับมาตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงเช้าแวะดื่มกาแฟสดชมวิวของร้านแบบฟินๆ


ใกล้กับร้านกาแฟที่พัก มีโรงงานอบแมคคาเดเมีย แวะซื้อกินเล่นก่อนกลับ และเป็นร้านเครือเดียวกันกับที่พักร้านพี่ร้านน้องครอบครัวเดียวกัน


มาถึงเชียงใหม่บ่ายๆ เข้าที่พักที่ ฮายคิน เรียวกัง เป็นสไตล์แบบญี่ปุ่น มีบ่อน้ำร้อนออนเซ็นให้แก้ผ้าลงแช่ตอนหัวค่ำด้วย คือดีมากถ้าชอบ มีชุดและมุมถ่ายภาพให้ด้วย ที่พักเป็นแบบครอบครัว นอนได้ 4 ท่าน


ช่วงเวลาว่างตอนบ่ายแก่ๆ แวะชมวิวจุดเช็คอินใหม่ของ อบจ.เชียงใหม่ วิวสนามหญ้ากว้างๆ แบบนี้ อีกหน่อยคงเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่


มื้อเย็นไปทานข้าวที่ร้าน กาแล ร้านอาหารดั้งเดิมที่ผมเคยไปช่วงสมัยหนุ่มๆ ตอนนี้แก่แล้วเลยรู้จักแต่ร้านนี้


เช้าวันพฤหัส ต้องขับรถเลี่ยงเส้นทางที่ผ่าน อ.เวียงป่าเป้า เพราะข่าวน้ำท่วมที่นั่น แวะทานข้าวเช้าที่ร้านกาแฟฮิมน้ำ


ทางผ่านที่ต้องแวะ แม้ฝนจะตกหนักพอสมควร ฮิโนกิแลนด์ มีคนแวะเที่ยวบ้าง เพราะมาทั้งทีและไกลพอสมควร อยู่ อ.ชาติตระการ



จากนั้นเราก็วิ่งเส้น อ.ฝาง ที่มาสู่ อ.แม่สรวย เชียงราย แวะทานข้าวเย็นที่ ร้านภูน้ำสรวย เขื่อนแม่สรวย


มาถึงที่พักที่เดียวกับที่สัมมนา มูลนิธิหนึ่งชีวิต เราพักที่นี่ 2 คืน


เช้าวันอาทิตย์มาที่ โบสถ์โป่งเปรมปรีดิ์ อ.วาวี


ตอนบ่ายขับรถขึ้นดอยช้าง มีพี่น้องสปอนเซอร์ที่พักให้ที่ mapoo homestay&cafe ห้องพักแบบครอบครัว นอนได้ 4 คน มีห้องนั่งเล่น และห้องนอนแยกส่วนกัน ระเบียงมองวิวภูเขาแบบพาโนรามา 180 องศา หันหน้าออกไปทางทิศใต้


มาปลายฝนต้นหนาว ถ่ายภาพทะเลหมอกได้ทั้งวัน


เช้าวันจันทร์ยังอยู่เชียงรายต่อ เพื่อนเชียร์ให้พักที่เชียงแสน แวะกินเค้กที่ ร้านจริณพาย Charin Pie (Homemade Pies since1992) และแวะต่อที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย


บ้านดำ ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี เดินเล่นๆ ในเมือง


ขับรถออกมาสู่ที่พักริมแม่น้ำโขง โรงแรมวันบัดเจท เชียงราย เชียงแสน ใช้เส้นแม่สาย เพื่อดูสถานการณ์ของถนนแม่สายหลังน้ำลด บอกได้คำเดียว ฝุ่นตลบ มาถึงสามเหลี่ยมทองคำ ต้องอึ้งกับภาพตึกรามบ้านช่องที่ฝั่งลาว นั่นคือเมือง คิงส์ โรมันส์ (Van Pak Len)


ตอนเย็นไปกินข้าวที่ร้าน เขย เชียงแสน ยังกินไม่เสร็จ ฝนตกกระหน่ำ ต้องฝ่าฝนกลับที่พัก


เช้าวันอังคารออกจากที่พักทั้งๆ ที่ฝนตกหนัก ได้มาแวะกินข้าวกลางวันที่กว๊านพะเยา ร้านนี้เลยครับ A Ga Li Go Ingkwan


แวะตลอดรถเกียร์มีปัญหา มารู้ทีหลังว่า สายต่อคอยล์จุดระเบิด ignition coil มีปัญหา แวะกินข้าวเย็นอีกรอบสุดท้ายที่ ที่พักริมทางเขาพลึง จากนั้นก็ขับรถยาวๆ ถึงกรุงเทพ ตีหนึ่ง