ค้นหาที่เที่ยวในบล็อกนี้

31 สิงหาคม 2565

หอชมเมืองสมุทรปราการ จุดเช็คอินแห่งใหม่ล่าสุด (เปิด 22 สค.22)

ถือเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของเมืองสมุทรปราการ หอชมเมืองสมุทรปราการ จากที่เคยขับรถผ่านไปมาและรอคอยว่าจะเปิดเมื่อไหร่ เมื่อวันที่ 22 สค.ที่ผ่านมาก็ได้ฤกษ์เปิดให่เข้าชมแบบฟรีๆ (จนถึง ตค.22)


ผมวางแผนเลยว่าต้องไปสักครั้ง วันนี้จึงได้จังหวะว่างไปเยี่ยมชม

หาที่จอดรถด้านข้างตาม Googel Map หรือจะนั่งรถไฟฟ้ามาก็ได้ ลงสถานีปากน้ำ


ลงทะเบียนเพื่อเข้าชมนิทรรศการ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โอเค ตั้งใจแล้วต้องไปให้ครบ


จุดที่ 1 จะเป็นเรือโดยสารข้ามฟาก ให้เรานั่งชมสารคดีแนะนำเมืองสมุทรปราการ มีระบบสั่น และภาพเป็นแบบเคลื่อนไหว สนุกดีครับ ถือว่าไปได้สวยในจุดแรก


จุดที่ 2 เล่าเรื่องอดีตเมืองท่า นิวอัมสเตอร์ดัม ฟังไม่ค่อยถนัด พอเรือสำเภอจำลองเคลื่อนมานี่ ว้าวเลยครับ ประทับใจอีกแล้ว


พอมาจุดที่ 3 เริ่มเนือยๆ เพราะดูบนแผ่นผ้าโดยเรามาจากมุมบน เลยมองยากหน่อย แต่ก็ยังโอเคอยู่ เพราะแปลกตาดี


จุดที่ 4 มีการเล่าถึงตำแหน่งป้อมโบราณของแต่ละยุคสมัย


จุดที่ 5 ลงมาด้านล่าง เป็นชุมชนต่างๆ ในอดีต จำลองร้านค้าต่างๆ 

จุดที่ 6 เล่าเรื่อง พระสมุทรเจดีย์

จุดที่ 7 เล่าเรื่องเหตุการณ์ รศ.112 ที่ฝรั่งเศสบุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา ดูสนุกดีครับ ตื่นเต้นๆ


จุดที่ 8 ให้เรานั่งพัก ชมเรื่องเล่าบนรถไฟ ถือว่าพักจริงๆ


จุดที่ 9 นกนางนวลและสนามบินสุวรรณภูมิ งานอาร์ตต้องมี


จุดที่ 10 สู่ปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรม และการส่งออก



จุดที่ 11 กระเช้าข้ามแม่น้ำ โครงการอนาคต ระหว่างฝั่งพระนครข้ามไปฝั่งพระประแดง


ถือว่าจบทุกจุด (อาจไม่ละเอียดเท่าที่ควร เพราะระบบเสียงฟังยาก แต่โดยรวมถือว่างานดี อาจจะเพลียๆ ช่วงอุตสาหกรรม เพราะไม่เข้าใจทั้งหมด เหมาะกับพาลูกเด็กๆ ที่กำลังโต หาจินตนาการและแรงบันดาลใจครับ)

ออกมาจากโซนนิทรรศการ ก็มาขึ้นลิฟท๊สู่ชั้นที่ 25 ก่อน เป็นนิทรรศการเหมือนกัน


จากนั้น เราก็ลงมาชั้น 23 ที่เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา



ถือเป็นทริปที่ใช้เวลาไม่นานนัก กำลังดีสำหรับคนมีเวลา ขอให้มีความสุขในการท่องเที่ยวนะครับ

ตำแหลกบ้านนอก+บ้านนอกคาเฟ่ หาข้าวกิน-กาแฟดื่มบรรยากาศบ้านสวน วันเดียวจบ

หาข้าวกินในบรรยากาศบ้านสวนหรือย้านทุ่งกลางกรุงเทพฯ ย่านถนนรามคำแหง ต้องที่นี่เลยครับ เปิดใหม่เอี่ยม ผมเลยหาโอกาสไปเยี่ยมชม วันนั้นเป็นวันเกิดพอดี โอกาสแบบนี้ดีเลย


ร้านตำแหลกบ้านนอก อยู่ในซอยรมคำแหง 125 ปักหมุดกับ Google Map แล้วขับตามไปได้เลยง่ายๆ บรรยากาศเหมือนมาบ้านนอกจริงๆ หลุดจากถนนเข้าซอย ก็ได้เลย


ได้ที่จอดรถด้านหน้า แล้วเดินเข้าทางซุ้มประตูไม้ไผ่ ว้าวเลยครับ แค่เจอลานกว้างๆ โล่งๆ มองเห็นต้นไม้ใหญ่ มีคลองเล็กๆ และร้านกาแฟ


เราเดินไปโซนด้านใน เพื่อหาข้าวกินกัน ซึ่งเป็นโซนร้านอาหาร เดินไปในสุดเลยครับ จะเจอบ้านแบบไทยๆ



ทุกอย่างใช้ไม้ไผ่ทั้งนั้น ทั้งสะพานทางเดิน และห้องน้ำ (รีบไปแต่แรกๆ ก็ดีครับ เพราะนานไปไม้ไผ่จะเก่า ตอนนี้กำลังสวย)



เมนูอาหารอร่อยๆ กินง่ายๆ สไตล์ตำแหลก ของคุณเปิ้ลวีนัส ขาออกมาเจอตัวเจ้าของพอดี ขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก


พออิ่มได้ที่ แวะมาโซนร้านกาแฟ อยู่กลางสวนเลยครับ ต้องบอกว่าบรรยากาศดีมากๆ เหมาะกับวันพักผ่อน


ภายในร้านกาแฟยังมีของตกแต่งบ้านมีไว้ขายด้วย เขาสนใจก็เดินเล่นๆ ชมได้


กาแฟได้แล้ว ยกมาเสริฟเอง นั่งเล่นใต้ต้นไม้ ต้องบอกเลยว่าลมเย็นๆ โชยมากำลังดี น่านอนหลับจริงๆ



นั่งเล่นเพลินๆ ได้ไม่นาน ลูกชายคนโตเจอมดตะนอยอกแดงกัด ตัวใหญ่เหมือนกัน มาค้นดูข้อมูล อ้าวมีพิษทำให้หน้ามืดเป็นลมได้ ถึงขั้นต้องไปหาหยูกหายากินกันเลยทีเดียว นั่งๆ อยู่ต้องระวังนะครับ

สรุป ทุกอย่างดีหมด แต่ถ้าไปหลังฝนตก ที่นั่งบางส่วนที่เป็นไม้ไผ่จะเปียกและชื้น จะนั่งต้องเช็คให้ดีก่อนครับ โดยรวมดีมากสำหรับคนชอบธรรมชาติแบบนี้

21 สิงหาคม 2565

เที่ยวบางแสนในวันฟ้าครึมฝน 2 วัน 1 คืน

ผมมีโอกาสไปทำงานย่านหนองมน-บางแสน พักผ่อนริมทะเลบางแสนในหน้าฝน ก็ดูเหงาๆ คนน้อยๆ ไม่พลุกพล่าน


ทะเลบางแสนยามค่ำคืนก็สวยดี ลมแรงมากๆ ตอนหัวค่ำ

พอมาตอนเช้าน้ำลง ก็มีหาดทรายให้เดินเล่นแบบลานกว้างๆ ของหาดทราย



เพื่อนเป็นคนชลบุรีมารับไปกินอาหารเช้า ถนนข้าวหลาม มาจากชื่อเสียงของอร่อยประตำถิ่นของหนองมน นั่นคือข้าวหลามนั่นเอง ถนนสวยๆ ว่างๆ ยามเช้าวันจันทร์ มองเห็นไอหมอกยามเช้า


เพื่อนพามาร้านอาหารอร่อย เธอว่างั้น เป็นร้านเย็นตาโฟ ตี๋หน้าแดง โต๊จีน


อร่อยดีครับ ราคาไม่แพง การกินอาหารประจำถิ่น ต้องให้คนท้องถิ่นพาไป

จากนั้นก็หาร้านกาแฟดื่มกัน หามา 3-4 ร้าน ทุกร้านปิดวันจันทร์ เพิ่งรู้ เลยมาได้ร้านนึงใกล้หาดบางแสน Café Kantary Bangsaen 


พอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาแยกย้ายจากกัน ขากลับกรุงเทพ ยังหาแวะร้านกาแฟอีก 2 แห่ง คือร้านย่านอ่างศิลา เป็นร้านเปิดใหม่โดยใช้อาคารเก่ามาปรับปรุงให้ดูสวยงาม ปรับจากบ้านกลายเป็นร้านกาแฟ Inthanin CU Co-Study Space Angsila




ถือว่าบรรยากาศดีใช้ได้เลย เป็นที่มานั่งทำงาน และดื่มกาแฟไปด้วย เดี๋ยวนี้ร้านกาแฟกลายเป็นที่นั่งทำงานเล่นๆ แบบนี้หลายแห่ง ถือว่าดีมาก เหมาะกับนั่งเล่นเพลินๆ และพักผ่อนวันว่าง
 
ผมเลือกเส้นทางผ่านริมทะเลกลับกรุงเทพ โดยใช้เส้นสะพานชลมารควิถี และแวะร้านกาแฟอีกร้าน Cafe on Saphan นั่งพักเล่นๆ อีกสักนิด เป็นอันจบทริปบางแสน

เดินเล่นยามบ่ายในสวนป่ากลางเมืองหลวง (สวนเบญจกิติ)

หาโอกาสมานานเห็นประชาสัมพันธ์ของกทม. เลยอยากลองมาแวะเยี่ยมชมสวนป่ากลางกรุงบ้าง เลยต้องจัดเวลาในฐานะคนกรุงเทพฯ หลังจากเสร็จจากการชมภาพยนตร์รอบเที่ยงที่ IMAX เราก็เดินจากถนนสุขุวิทมาทางแยกอโศก เพื่อมายังสวนเบญจกิติซึ่งเดิมก็คือที่ดินของโรงงานยาสูบที่ติดกับศูนย์ประชุมสิริกิติ์นั่นเอง 

บรรยากาศแรกที่เห็นก็ตือบึงน้ำขนาดใหญ่ พอเดินเข้ามาในสวนก็เห็นภาพที่ดูแล้วชื่นใจและสดใสมาก วันที่ไปเดินอ่อนๆ พอดี ไม่ร้อนมาก

ส่วนแรกยังไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องจะไป ต้องเดินเข้าไปด้านในอีก จะมีรั้วอีกทีหนึ่ง พอเข้ารั้วไปก็จะเข้าสู่สวนป่า จะมีสะพานที่เชื่อมต่อกันยาวๆ ไป กว้างขวางเดินสบาย ที่ประทับใจมากๆ คือต้นไม่ใหญ่ๆ เราไม่ต้องกลัวพื้นที่เปียก เพราะสะพานจะแห้งตลอด


เราแวะชมวิวกันเป็นระยะๆ ถ่ายภาพมุมกว้างๆ แบบพาโนรามา


ใครที่ไม่มีเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด อยู่แต่ในเมือง ที่นี่น่าจะตอบโจทย์ได้ มาแล้วเดินเพลินๆ ไม่เหนื่อยเลย


นอกจากทางเดินทางวิ่งแล้ว ยังมีทางจักรยานให้ด้วย ที่พิเศษกว่าสวนทั่วไป คือมีความเป็นป่า มีหนองน้ำ และที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกอย่างก็คือ มีนก ซึ่งดูเป็นธรรมชาติ มันมาอาศัยอยู่ที่นี่เพราะมีป่านั่นเอง


ใครมีกล้องมือถือที่ซูมได้ถือว่าคุ้ม และได้ใช้เต็มศักยภาพ

เราเดินจนลืมดูเวลา เส้นทางจะพาเราออกมาเอง ไม่มีหลงทาง มีแต่หลงเพลิน!


โซนบ่อบัว ต้นกกก็สวยดี ปกติจะเห็นตามพื้นที่ชุ่มน้ำ และต้องนั่งเรือไป ที่นี่มีถนนเล็กๆ ให้เราเดินเล่นชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด


โกดังเก่ากลายเป็นลานกิจกรรม


เดินแบบมั่วๆ 1 รอบ กลับบ้านด้วยความอิ่มตาอิ่มใจ สดชื่นแจ่มใส ต้องหาโอกาสมาอีกรอบนึงแน่นอน


ท่านใดชอบบรรยากาศธรรมชาติแบบนี้ ต้องลองหาโอกาสมาเดินเล่นสักครั้งนึงนะครับ ดีมากๆ