ผมมีโอกาสไปบุรีรัมย์ทางเครื่องบินครั้งแรก ปกติจะขับรถไป ก็ถือว่าเป็นความสะดวกของยุคสมัยนี้
ค้นหาที่เที่ยวในบล็อกนี้
16 พฤศจิกายน 2564
เที่ยวบุรีรัมย์ 3 วัน 2 คืน
การขึ้นเครื่องในยุคโควิด ต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนก่อนตอนเช็คอินที่เคาเตอร์ของนกแอร์ (มีสายการบินเดียว) เครื่องบินเป็นแบบใบพัดที่นั่งแบบคู่ คนเต็มลำเลยในทริปนี้ สนามบินอยู่ในเขตอำเภอสตึก
อาหารมื้อแรก เพื่อนพาไปร้านต้มแซ่บเล้ง อห.โอ้โห เนื้อหมูติดกระดูเยอะมาก ชื่อร้าน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ บ้านนอก กม.4 https://goo.gl/maps/kGM2Z1EoHE5oy28e8
ลูกชิ้นยืนกิน เป็นแห่งที่สองที่เราแวะ จริงๆ ลูกชิ้นทอดก็เหมือนๆ กัน เกือบทั้งประเทศ ต่างตรงที่ Lisa เคยกล่าวถึง และอยากกิน เพียงแค่นั้น ร้านก็บูมขึ้นมาอีกครั้ง พิเศษตรงที่น้ำจิ้ม เป็นสูตร น้ำพริกเผา แตกต่างจากหลายสูตรที่เคยกิน อร่อยดีครับ https://goo.gl/maps/2biCbnPvta4dWdQN9
วันต่อมา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อพาแวะชมวิวร้านอาหารเรือนแพ ในทะเลสาบเซราะกราว ห้วยระไซร์ กินอาหารในแพริมน้ำ มีกิจกรรมทางน้ำ ห่วงยาง เรือเร็ว แล้วแต่อยากจะเล่นอะไร ไปถึงเกือบเย็นแล้ว เลยเปลี่ยนใจไว้โอกาสหน้าแล้วกันสำหรับที่นี่ https://goo.gl/maps/mdsDQXF2maLiHnkr8
ทุกอย่างมาจบที่หมูกระทะร้านนี้ ราคาชุดละ 200 บาท ถือว่าถูกมากสำหรับคนกรุง จัดไป 3 ชุด (ผญ.3 คนเด็ก 5 คน) มีบรรยากาศซากุระบานสะพรั่ง สีชมพูสวยสดให้ไว้เซลฟี่หรือถ่ายภาพหมู่ด้วย https://goo.gl/maps/LEuepGSNoDks65TL9 ชื่อร้าน ต้นตำรับร้านเเก่นจันทร์เนื้อย่าง กระสัง
วันสุดท้ายเป็นวันจันทร์ คนเต็มลำเหมือนเดิม มาถึงกรุงเทพ ประมาณ 11 โมง กลับมาร้าน รถติดเหมือนเดิม อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อไหร่จะมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดบ้าง จะไปอยู่สัก 2-3 เดือนค่อยเข้ากรุงเทพ
08 พฤศจิกายน 2564
เที่ยวเกาะสุรินทร์ - ระนอง - ปราณบุรี 4 คืน 4 วัน
ขับรถออกจากกรุงเทพฯ บ่าย 4 โมง เป้าหมายคือท่าเรือคุระบุรี จังหวัดพังงา เพื่อนั่งเรือไปหมู่เกาะสุรินทร์ ต้องเตรียมตัวด้วยการจองห้องพักบนเกาะกับอุทยานฯ คืนะละ 3,000 บาท 2 คืน มัดจำตั๋วเรือสปีดโบ้ด 1,000 บาท (ค่าเรือคนละ 1,500 บาท ไป-กลับ ปกติราคา 1,700 บาท)
มาถึงสมุทรสาครหิวข้าวแล้ว แวะไปดอนหอยหลอด สุ่มๆ ร้านเอา แวะถ่ายภาพนาเกลือยามอาทิตย์ตก ที่ร้านอาหารยุงเยอะมาก แต่ไม่กัด แค่ตอมๆ ขับรถรวดเดียวจนถึงปั้มน้ำมันหน้าปากซอยที่คุระบุรี บนถนนหมายเลข 4 สุขุมวิท
เช้าวันแรก เข้าไปติดต่อที่ ซาบีนาทัวร์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า อยู่ตรงหน้าสำนักงานของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จอดรถฟรีที่นั่นเลย กว่าจะได้นั่งเรือประมาณ 9 โมง
เราได้ห้องพักใกล้หาดช่องขาด ห้องแบบ 4 เตียง พักกันทั้งครอบครัวในหลังเดียว ไฟฟ้าเปิด 6 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้า จะชาร์ตแบตกล้องแบตมือถือ หรือพาวเวอร์แบงค์ในช่วงนี้ เพราะกลางวันเขาดับไฟทั้งวัน สัญญาณโทรศัพท์มี True และ Dtac ที่ใช้ได้
ค่านั่งเรือหางยาวไปดำน้ำ คนละ 150 บาท พาไปดำสองจุด ตั้งเช่าชูชีพ หน้ากากกำน้ำ (ผมเอาไปเอง) ตีนกบ แล้วแต่ชอบ
ปะการังและปลาที่นี่ถือว่าสมบูรณ์มากๆ เพลินๆ เลยครับ ช่วงบ่ายน้ำจะลดระดับลง การดำผิวน้ำจะสามารถแตะปะการังได้ในบางจุด
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมดำน้ำช่วงบ่าย พอมาถึงที่พัก หน้าหาดน้ำก็ลดลง แต่ความใสเหมือนเดิม
วันที่สอง ดำน้ำเช้าอีกรอบ ในรอบนี้น้ำทะเลสูงขึ้น การดำผิวน้ำชมปะการัง จึงดูห่างกว่าช่วงบ่าย จุดที่ดำถือว่าปะการังสมบูรณ์มาก มองเห็นหมู่บ้านมอแกนไกลๆ ซึ่งช่วงนี้มีโควิด ห้ามคนนอกเข้าไปเที่ยวฝนหมู่บ้าน เพื่อความปลอดภัย
พอเสร็จสิ้นการดำน้ำ ก็กลับมาเล่นน้ำที่หาดช่องขาดอีกรอบจนถึงเที่ยง กินข้ากลางวัน
ในช่วงหน้าหนาวหรือหน้าร้อน ฟ้าจะเปิดกว่าเดือนพย.ที่ผมไป จะมองเห็นอาทิตย์ตกที่อ่าวกระทิง
กลับมาที่พักก่อน 6 โมงเย็น ไฟที่หาดเปิดทั้งคืน
วันที่สาม ถึงเวลากลับ เป้าหมายแรกคือแวะไปกินข้าวที่กะเปอร์ บ้านไร่ไออรุณ แต่โทรไปก็ไม่มีใครรับสาย ว่าจะไปพักสักคืน โทรไปถามน้องที่เคยไปพัก เขาจองกันล่วงหน้า 3 เดือน โอเค ลองเสี่ยงไป ถ้าไม่ได้ ก็จะไปหาข้าวกินในเมืองระนอง
ช่วงเช้าบนเกาะ มาเดินเล่นเก็บภาพบรรยากาศยามเช้า ทะเลสีสวย ฟ้าโปร่งโล่งๆ รู้ว่าฝนตกบนฝั่ง แต่ที่เกาะไม่มีฝน ดีจัง เช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยง มานั่งรอเรือเกือบบ่ายสอง (นานมาก ทิ้งเวลาครึ่งวันไปเลย)
1 ชั่วโมงของการนั่งเรือเร็ว จะมึนๆ เวียนหัว ถ้าไม่มียาแก้เมา มีสิทธิอ้วกได้
เส้นทางของพังงา - ระนอง ในช่วงหลังฝนตก จะเห็นไอเมฆหมอกที่ภูเขา ดูชื่นใจสบายตา
มาถึงในเมืิองมืดพอดี GPS ช่วยได้ แต่ต้องตั้งสติดีๆ เพราะช่วงจะเลี้ยวแต่ละครั้ง มันห่างจากที่มองแผนที่ในมือถือ ร้านคุ้นลิ้นอยู่ใกล้สวนรักษะวาริน อาหารอร่อยทุกอย่าง กินไป 4 รายการตามภาพ ราคาไม่แพงมาก กำลังพอเหมาะ
อยู่ใกล้บ่อน้ำแร่ร้อน ต้องแช่เท้าก่อนเข้าที่พักสักหน่อย ความร้อนพอดีชาๆ ขา มีคนแช่ในน้ำด้วย
ค้นหาที่พักจากในเว็บ จองผ่าน Agoda ครั้งแรก ไม่ยาก ง่ายๆ สบายๆ จ่ายผ่านแอพได้เลย ราคาถูกกว่าไปจ่ายหน้าฟร้อนท์
อาหารเช้าที่ร้านระนองโอชา เป็นติ๋มซำ
จากนั้นก็แวะไปเที่ยวภูเขาหญ้า ห่างจากเมืองประมาณ 10 นาที แดดแรงมาก ภาพวิวสวยดี มองเห็นน้ำตกหงาวบนภูเขาด้วย
เส้นทางกลับ แวะคอคอดกระ ห่างจากพม่าแค่ 100 เมตร แต่คงไม่มีใครแวะแล้วในสมัยนี้ (คนแวะแต่ร้านกาแฟ แต่ตลอดทางไม่มีเลย)
เป้าหมายแรกคือกุยบุรี เก็บภาพแลนด์มาร์กของที่นั่น สถานีรถไฟ กำลังทำใหม่สวยเลย
หลังจากดูงานเสร็จ ใช้เส้นทางผ่านอุทยานสามร้อยยอดในย่านนั้น และแวะไปกินข้าวเย็นที่ปากน้ำปราณ
จากนั่น กลับถึงบ้าน 5 ทุ่ม ถือเป็นอันสิ้นสุดทริปนี้
26 กุมภาพันธ์ 2564
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)