ค้นหาที่เที่ยวในบล็อกนี้

30 เมษายน 2553

2 หาด 1 วัน ชะอำ-หัวหิน

ผมไปทะัเลฝั่งตะวันออกอีกครั้งเพราะไปบรรยายพิเศษ คราวนี้ไปแวะที่ชะอำก่อน หาร้านกินอาหารทะเล จากที่เคยแนะนำแถวๆ หาดเข้าสำราญไปแล้ว คราวนี้จะพาไปที่ชะอำ เมื่อท่านขับรถมาถึงอ.ชะอำ เมื่อมาถึงชายหาดให้เลี้ยวขวา ขับไปเรื่อยๆ จะเห็นเตียงผ้าใบเยอะๆ จนถึงเขตที่มีร้านขายอาหารทะเลแบบชาวบ้าน มีถังวางเรียงราย หาที่จอดรถได้เลย ค่าเตียงผ้าใบที่ละ 30 บาท มาหลายคนก็คูณเข้าไป จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มและอาหารได้เลย ส่วนอาหารทะเลไปเลือกเองได้เลย ราคาถูกกว่าร้านค้านิดหน่อย แต่มาบวกค่าเตียงผ้าใบก็จะพอๆ กัน

ชายหาดที่ชะอำฝั่งขวาจะมีชายหาดแคบๆ
ถ้าอยากเล่นทรายให้ไปทางซ้ายของหาด


คลื่นทะเลหน้านี้แรงพอควร เด็กๆ เล่นน้ำผู้ใหญ่ควรดูแลอย่างใกล้ชิด

มองจาก Google Earth จะเห็นร่มและเตียงผ้าใบเรียงรายอยู่ตามชายหาดอย่างหนาแน่น
ราคาเตียงละ 30 บาท

เตียงผ้าใบตั้งอยู่ริมหาดเลย กินอาหารไปเล่นน้ำไปดูแลลูกๆ ไปในตัว

จานนี้แค่ 80 บาท หอยเชลล์ครึ่งกิโล

ปูม้านึ่งโลละ 380 บาท ราคาถูกกว่าที่หาดเจ้า 400 บาท หัวหิน 450 บาท

จานเด็ดจานแรก คือส้มต้าไทย 40 บาท
หลังจากนั้นก็รออาหารทะเล (นานมา่กขอบอก)

อีกที่ที่อยากแนะนำคือชายหาดหัวหิน ขับรถมาถึงเขตหัวหิน แล้วขับมาตามป้ายบอกทางมายังหาดหัวหิน แต่อาจจะหาที่จอดรถยากหน่อย เพราะแถวนั้นเป็นเขตโรงแรม ทางเดินมายังหาดจึงเป็นซอยเล็กๆ โผล่ออกมาจะเจอคนเลี้ยงม้าชักชวนให้ขี่ม้าเล่นที่ชายหาด เตียงผ้าใบ และสารพัด

แต่ชายหาดที่นี่ยังสวยงาม ทรายยังละเอียดและขาวสะอาด มีความสกปรกจากขยะบ้างแต่ก็ยังนับว่าสะอาดดูดีกว่าที่ชายหาดชะอำ มีฝรั่งมานอนอาบแดด และเล่นน้ำบ้าง ซึ่งก็มีทั้งคนไทยและเทศผสมปะปนกันไป ชายหาดที่หัวหินเมื่อเทียบกับชะอำถือว่าดูดีกว่ามากครับ

ชายหาดหัวหินเมื่อเดินมาจากซอยที่จอดรถจะเจอชายหาดอยู่หน้าโรงแีรมแห่งหนึ่ง

เนื้อที่ชายหาดก็กว้างเพียงพอที่จะนั่ง นอน หรือเล่นน้ำทะเล
เงาจากต้นมะพร้าวช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง

ย่านนี้จะมีก้อนหินหลายก้อนตั้งอยู่ที่นั่น คือที่มาของคำว่า "หัวหิน" กระมัง

ขี่ม้าเล่นที่ชายหาดถือเป็นกิจกรรมหนึ่งของที่นี่

ฟ้าใส น้ำเขียวสวย ทรายขาว ยังมีให้เห็นที่หัวหิน

09 เมษายน 2553

เรือขนรถข้ามฟากที่มโนรมย์

เมื่อวานผมไปธุระที่อุทัยมา ก็เลยนำเส้นทางพิเศษมากฝาก


หากใครเดินทางไปจังหวัดอุทัยธานีไม่บ่อย อาจไำม่รู้ว่ามีเส้นทางลัด แต่ต้องเสียเงินค่าเรือข้ามฟาก 30 บาท และเพลิดเพลินกับบรรยากาศของแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อขับรถมาถึงถนนสายเอเชีย ทางหลวงหมายเลข 32 เลยทางเข้าจังหวัดชัยนาทมาและมาถึงสี่แยกเพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ อ.มโนรมย์ ขับตรงมาเรื่อยๆ บนถนนหมายเลข 3212 จนถึงท่าเรือข้ามฟาก เมื่อข้ามไปแล้ว เลี้ยวขวาขับมาเรื่อยๆ ก็จะเจอวัดท่าซุงก่อน แล้วตรงเข้าสู่จังหวัดอุทัยธานีได้เลย ใครเบื่อทางเดิมๆ ก็ลองทางนี้ดูบ้างนะครับ

บนแพขนานยนต์บันทุกรถได้ถึง 10 คัน สบายๆ



ตรงนี้บนจุดเชื่อมต่อแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำสะแกกรัง (ซ้าย) กับเจ้าพระยา (ขวา)

แพออกจากท่าเรือ

ขับรถลงบนแพขนาดไม่ใหญ่มาก

มุมมองจาก Google Earth ทำให้เราเห็นฝั่งทั้งสอง
ด้านซ้ายคืออุทัยธานี ฝั่งขวาึคือชัยนาท ที่อ.มโนรมย์

07 เมษายน 2553

อัมพวา (ต่อ)

นั่งเรือฆ่าเวลารอตลาดเย็น ก็ได้ไปชมวิวแบบวิถีชาวบ้านริมน้ำก็ดีเหมือนกันนะครับ แต่ถ้าอยากชมหิ่งห้อยก็ต้องรอจนหัวค่ำ ก็แล้วแต่ชอบ ของผมอยู่แค่บ่ายแก่ๆ ก็พอครับ

การที่มีคนต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น
บ้านเรือนที่นี่ก็ปรับตัวเป็นเมืองท่องเที่ยวเช่นกัน

เรือยนตร์ท่องเที่ยวขนาดเล็กนำทุกท่านสู่ลำน้ำอ.อัมพวา
(เสียงอาจจะดังไปบ้างต้องทำใจ แถมควันพิษเล็กน้อย)

เด็กๆ จะเพลิดเพลินกับรูปปั้นที่เจาะหน้าให้เราไปถ่ายภาพเล่นๆ สนุกดี

โบสถ์ที่ปกคลุมด้วยรากต้นโพธิ์ นานพอที่จะยึดโครงโบสถ์เอาไว้
กลายเป็นสถานที่ประหลาดแห่งหนึ่งของอัมพวา
ซึ่งแวะมาเที่ยวชมได้ทั้งทางบกและทางน้ำ
เรือนไทยในอุทยาน ร.2 อยู่ใกล้ตลาดน้ำ มาเดินเที่ยวเล่นได้ครับ

แวะอัมพวาก่อนกลับกรุงเทพฯ

ข้อดีของการขับรถเองคืออยากจะแวะที่ไหนก็ได้ระหว่างทางหากไม่รีบร้อนจนเกินไป ขากลับจากหัวหิน นอนหลับไป 2 คืน ก็ออกจากที่นั่นตอนเช้าของวันที่ 6 เมย. ตั้งใจจะไปงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ เห็นพอมีเวลาเลยแวะไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาซะหน่อย เพราะห่างจากถนนพระราม 2 เพียง 7 กม.เท่านั้น

ที่ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดเย็น พอแดดร่มลมตก ก็เปิดตลาดกัน ไปกลางวัน อาจจะไปนั่งเรือเล่นชมวิวบรรยากาศริมน้ำ หรีอชมวัด ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักของที่นั่น และพอหัวค่ำก็จะมีกิจกรรมชมหิ่งห้อย ซึ่งผมไม่เคยไปชม แค่มาตลาดน้ำก็พอใจแล้ว เพราะเห็นว่าการไปชมหิ่งห้อยเป็นการรบกวนชาวบ้าน ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยนะ ไปเที่ยวแค่พอดี บันทึกไว้แค่ภาพถ่าย อย่าเอาอะไรกลับมานอกจากความทรงจำที่ดี

เคยมีคนขับเรือเล่าให้ผมฟังว่ามีเด็กวัยรุ่นมาเช่าบ้านโฮมสเตย์พักกลางคืนที่นั่น พวกเด็กเหล่านั้นเล่นกีตาร์กันเสียงดัง ดื่มเหล้ากันจนดึก ไม่สนใจธรรมาติหรือเสียงจากแมลงยามค่ำคืน แล้วจะมาทำไมเนี่ย อยู่บ้านก็ได้ หรือจะหาที่แปลกๆ ใหม่ๆ ก็ไม่รู้

ร้านขายลอดช่องก็จัดร้านเหมาะกับบรรยากาศเดิมๆ ของตลาดน้ำ

ของเล่นไขลานแบบเดิมๆ รุ่นพ่อยังเด็ก ราคาแพงกว่าของเล่นสมันนี้เสียอีก


เรือชมแม่น้ำลำคลองคนละ 50 บาท ไปชมวัดชมวา

ใครชอบกินกุ้ง หอยเชลล์ ปลาหมึก ก็มีให้ทานกัน
กุ้งเผา 50 หอยเชลล์ 30 ปลาหมึกย่าง 120

หิ่งห้อย กลายเป็นสัญลักษณ์ของอัมพวาไปแล้ว

วิทยากรพิเศษกับการท่องเที่ยวไทย

มีเพื่อนหลายคนถามผมว่าทำไมเดือนๆ หนึ่ง ผมถึงไปท่องเที่ยวได้หลายจังหวัด คงมีเงินเยอะ หรือทำงานการท่องเที่ยว จริงๆ แล้ว ผมไม่ได้มีเงินเยอะหรือทำงานการท่องเที่ยวหรอกครับ แต่เป็นเพราะผมเป็นวิทยาการพิเศษ ถูกเชิญไปบรรยายที่นั่นที่นี่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เหนือ กลาง อีสาน ขาดแต่ภาคใต้ ซึ่งก็มาแค่หัวหิน (เกือบใต้แล้ว)

การไปบรรยายในต่างจังหวัดก็ทำให้ได้เดินทางไปโน่นมานี่ และส่วนใหญ่แทบทุกที่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยว ในเมื่อมีคนออกค่ารถ ค่ากิน ค่าที่พัก แล้วทำไมผมจะไม่แวะไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ในเมื่อประเทศไทยของเรามีสถานที่สวยงามน่าประทับใจหลายแห่ง บล็อกนี้จึงเป็นที่เก็บความทรงจำดีๆ และภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมได้ไปมา

ส่วนเนื้อหาที่เป็นจุดสนใจของผู้คนทั่วไปก็คือเรื่อง "ภาวะโลกร้อน" และเรื่อง "ยุคสุดท้าย" ปัญหาภัยภิบัติที่เกิดขึ้นถี่มากๆ จนน่าตกใจกลัว


สื่อการนำเสนอทำให้ผู้คนเข้าถึงประเด็นจริงของภาวะโลกร้อน
ที่กำลังส่งผลกระทบมาใกล้ตัวเราอย่างไม่ทันตั้งตัว


เนื้อหาที่ผมใช้ในการบรรยาย หลักๆ ก็มีเท่าที่นำเสนอ
แต่ก็มีบ้างที่เชิญไปบรรยายในเนื้อหาอื่นๆ

เพลินวาน ที่หัวหิน

สถานที่ที่จัดให้เป็นแบบโบราณตลาด 100 ปี อะไรประมาณนี้ (เหมือนเข้ามาในฉากหนังฉากละครย้อนยุค เพราะบางส่วนไม่ได้เปิดจริงแค่ทำหลอกๆ เหมือนจริง) มาหัวหินทั้งทีก็แวะมาถ่ายภาพเล่นได้ เพราะเค้าเปิดทั้งวันทั้งคืน เปิดเกือบๆ เที่ยง และปิดเที่ยงคืน แต่ที่ผมไปแค่สี่ทุ่มร้านค้าภายในก็ปิดแล้ว เซ็งนิดหน่อย ไม่สมกับที่ปิดป้ายไว้ด้านหน้าว่าปิด 24.00 น. เลยทำให้ค่าจอดรถด้านข้างสถานที่เก็บคันละ 40 บาท เลยแพงขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่สถานที่แห่งนี้เข้าชมฟรี แนะนำว่าใครที่มาที่นี่มากลางวันจะดีกว่า และขับรถเลยไปหน่อยซัก 100 เมตร จะมีที่จอดรถเก็บเงินแค่ 20 บาท ขอย้ำว่าอย่ามากลางคืนหลัง 3 ทุ่ม เพราะร้านค้าจะเริ่มปิดแล้ว

ภูมิกับจูเนียร์ เพื่อนที่เคยเรียนชั้นเดียวกันตั้งแต่ประถม 1-3
มาเจอกันที่นี่
ของเล่นโบราณมีโชว์ให้เห็นสมกับเป็นตลาดโบราณ
(จำลองเหมือนฉากละคร)
ขนมลูกอมโบราณที่ยังมีผลิตขายอยู่ จึงมีให้เห็นที่นี่ด้วยเช่นกัน 
ชิงช้าสวรรค์ บรรยากาศงานวัดอยู่ในสุดของฉากเพลินวาน
เก้าอี้ร้านตัดผม เป็นของจริงเก่าเก็บ นำมาแสดงให้เห็น
ใครที่ชอบเพลงไทยแบบเดิมๆ ก็หาซื้อได้ที่นี่ครับ
เหมือนเข้ามาในฉากหนังหรือละครย้อนยุค ดูยิ่งใหญ่อลังการ 
ป้ายด้านหน้า
ทางเข้าเหมือนประตูมิติ เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น


เสน่ห์ยามค่ำคืนที่หัวหิน

ตลาดกลางคืนที่หัวหิน อาจจะเหมือนกับหลายๆ จังหวัดที่มีไนท์บาซาร์เช่น เชียงใหม่ เชียงราย และที่เหมือนกันก็คือมีฝรั่งมาเดินเต็มไปหมด ร้อนๆ อย่างนี้ มาเดินเล่นที่นี่ตอนกลางคืนก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้ามาช่วงเทศกาลขอบอกเลยว่าคนเพียบ อย่างเสี่ยงมาเบียด เพราะร้อนแน่นอน

ถนนในซอยเล็ก ต่อกัน 2 ซอย กลายเป็นตลาดกลางคืนที่หัวหิน
 

มีสินค้าทั้งของกินและของที่ระลึกมากมายทุกรูปแบบ



สินค้าประเภทเอกลักษณ์ประจำชาติมีให้เห็นทุกที่ของเมืองท่องเที่ยว


ร้านค้าสวยๆ ดึงดูดลูกค้าเสมอ


ขวดใส่เกลือ-พริกไทมีขายทั่วประเทศ (ที่เชียงรายก็มีขาย)


หรือจะแวะกินไอติมอิตาเลี่ยนคลายร้อน ถ้วยนี้ 79 บาทครับ


ร้านนี้อยู่ใกล้ๆ ตลาดกลางคืน และใกล้ที่จอดรถอยู่หัวมุมถนนเลย


ที่จอดรถฟรีอยู่ในโรงเรียน ใครไม่รู้ไปจอดในวัดก็จะต้องเสียเงิน 20 บาท


"โรงเรียนเทศบาลบ้านหัวหิน" นี้จะเปิดให้จอดรถฟรีครับเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหัวหิน
ชื่นชมครับ ที่มีสถานที่แบบนี้ ขอยกย่องในน้ำใจครับท่าน


ป้ายภายในโรงเรียนยืนยันจอดรถฟรีครับ

กินอาหารทะเลที่เพชรบุรี

ทุกครั้งที่ไปเที่ยวทะเลฝั่งตะวันออกแถวจังหวัดเพชรบุรี หรือหัวหิน ประจวบฯ ผมจะต้องแวะร้านหนึ่งเป็นประจำ เพราะอาหารทะเลที่นี่สดจริงๆ เคยพาเพื่อนไปครั้งหนึ่ง เขาก็ติดใจโทรมาถามว่าร้านอะไร ตัวเองก็จำไม่ได้ คราวนี้เลยเอามาลงเอาไว้อีกครั้ง เผื่อจะส่งต่อให้เพื่อนๆ ก็ได้

นำจิ้มสูตรเด็ดแบบชาวบ้านๆ ที่นี่รับรองถูกใจ

ปูม้าโลละ 400 บาท ตัวโต และเลือกจากบ่อได้เลย
คิดค่าทำเมนูละ 10 บาทเท่านั้น

นี่คือยำมะม่วงที่ใช้เป็นเครื่องเคียงกับไข่แมงดา อร่อยอย่าให้เซด

ไข่แมงดา ที่ผมต้องรับประทานคนเดียว
เพราะในครอบครัวไม่มีใคนกล้าด้วยรูปทรงอันน่ากลัวของมัน
ตัวนี้ตัวเล็กแค่ 80 บาทเท่านั้น

ไปเลือกจากบ่อได้เลย แมงดาทะเลตัวนี้สดๆ จริงๆ
ปูม้าก็เช่นกัน มีสองราคา 400 และ 450
แต่ถ้าไปกินแถวหัวหินจะแพงกว่า (โลละ 480 บาท) เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว

หอยแครงก็สดใหม่โลละ 40 บาท

ร้านก็น่านั่ง ห่างจากทะเลไม่กี่กิโล
นั่งที่นี่มองเห็นทะเลไกลๆ และได้กลิ่นไอชายทะเล

นี่แหละครับ ร้านลูกหวาน อาหารทะเล ขัยรถจากอ.ท่ายาง
จากถนนเพชรเกษมถึงท่ายางแล้วเลี้ยวซ้าย วิ่งมา 21 กิโลเพื่อไปหาดเจ้าสำราญ หรือบึกเตียน
ถึงสามแยกแล้ยวขวา ขับมาอีกหน่อย ร้านนี้จะอยู่ขวามือครับ